ตอบคำถามจากกิจกรรมที่ 9
ให้นักศึกษาอ่านระเบียบต่าง ๆ
ของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อนักศึกษาอ่านระเบียบแล้วให้สรุปประเด็นที่สำคัญ เช่น
ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องอะไร ประกาศใช้เมื่อใด ใครเป็นผู้ลงนามในระเบียบนั้น เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ที่จะต้องนำไปปฏิบัติคือประเด็นใด
โดยสรุปตามหัวข้อระเบียบที่กำหนดไว้ ดังหัวข้อดังต่อไปนี้ (31 ตัวระเบียบ ลงในบล็อกของนักศึกษา)
1.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการขอบคุณและอนุโมทนา
พ.ศ.2 547
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการขอบคุณและอนุโมทนา
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2547
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย โพธารามิก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ เมื่อผู้บริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือแรงงาน
ไม่ว่ารายเดียวหรือหลายรายให้แก่ส่วนราชการหรือสถานศึกษา
สังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้ผู้ดำรงตำแหน่งต่อไป
ตอบขอบคุณหรืออนุโมทนาและออกประกาศเกียรติคุณบัตร
2.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประชาสัมพันธ์และการให้ข่าวสาร
พ.ศ.2548
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการประชาสัมพันธ์และการให้ข่าวสาร
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2548
ผู้ลงนามในระเบียบ นายจาตุรนต์ ฉายแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ การประชาสัมพันธ์ หมายความว่า การติดต่อการสื่อสาร การติดตาม
การสอบถามและวิธีการอื่นใดในลักษณะเดียวกันเกี่ยวกับข่าวสารตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ
การให้ข่าวราชการ หมายความว่า
การเผยแพร่ข่าวราชการและให้ความหมายความรวมถึงการให้สัมภาษณ์ที่จัดทำโดย
การประชาสัมพันธ์หรือการให้ข่าวราชการเกี่ยวกับนโยบายและการปฏิบัติงานประจำของกระทรวงศึกษาธิการ
ให้รัฐมนตรีเป็นผู้ประชาสัมพันธ์หรือให้ข่าวราชการ
3.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการจัดตั้ง
รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2550
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการจัดตั้ง
รวมหรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2550
ผู้ลงนามในระเบียบ วิจิตร ศรีอ้วน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ การจัดตั้งสถานศึกษา ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาจัดตั้งสถานศึกษาใหม่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจัดทำแผนการจัดตั้งสถานศึกษา
และนำเสนอคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
โดยสถานศึกษาที่จะจัดตั้งขึ้นในชุมชนใดต้องมีจำนวนนักเรียน ดังต่อไปนี้
ระดับประถมศึกษา
ต้องมีจำนวนนักเรียนในแต่ละรายอายุไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าคนมาเข้าเรียน
ถ้ามีนักเรียนในแต่ละรายอายุไม่ถึงยี่สิบห้าคน แต่มากกว่าสิบคน
ให้จัดตั้งเป็นสาขาของสถานศึกษาอื่น
ระดับมัธยมศึกษา
ต้องมีจำนวนนักเรียนที่จะมาเข้าเรียนชั้นละไม่น้อยกว่าแปดสิบคน
ถ้ามีนักเรียนไม่ถึงชั้นละแปดสิบคน แต่มากกว่าสี่สิบคน
ให้จัดตั้งเป็นสาขาของสถานศึกษาอื่น
สถานที่ที่จะจัดตั้งสถานศึกษาต้องเป็นที่ดินที่มีหลักฐานอนุญาตให้ใช้
ตามประเภทของที่ดินอย่างถูกต้อง จำนวนไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าไร่
การรวมสถานศึกษา ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณารวมสถานศึกษาตั้งแต่สองแห่งขึ้นไปเพื่อให้สถานศึกษามีการบริหารและจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ
เกิดผลดีแก่ผู้เรียน ทั้งในด้านสิทธิโอกาส และคุณภาพการศึกษา
โดยจัดเป็นชั้นหรือช่วงชั้น
การเลิกสถานศึกษา ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาเลิกสถานศึกษา
เมื่อสถานศึกษานั้นมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) ไม่มีนักเรียนที่จะจัดการเรียนการสอน
(2) จำนวนนักเรียนลดลง
จนไม่สามารถพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาได้
4.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการการปฏิบัติของผู้กำกับห้องสอบ
พ.ศ.2548
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการปฏิบัติของผู้กำกับการสอบ
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2548
ผู้ลงนามในระเบียบ นายจตุรนต์ ฉายแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ผู้กำกับการสอบ ต้องปฏิบัติดังนี้
1. ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนเกี่ยวกับการสอบไปถึงสถานที่สอบก่อนเวลา
เริ่มสอบตามสมควร
หากไม่สามารถปฏิบัติได้ด้วยเหตุผลใดๆให้รีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบโดยด่วน
2.กำกับการสอบให้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย
ไม่อธิบายคำถามใดๆในข้อสอบแก่ผู้เข้าสอบ
3. ไม่กระทำการใดๆอันเป็นการรบกวนแก่ผู้เข้าสอบ
รวมทั้งไม่กระทำการใดๆอันเป็นการทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของผู้กำกับการสอบไม่สมบูรณ์
4. แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยตามแบบที่ส่วนราชการหรือสถานศึกษากำหนด
หากผู้กำกับการสอบไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาความผิดและลงโทษตามควรแก่กรณี
5.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา
พ.ศ.2548
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย โพธารามิก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ การลงโทษ หมายความว่า
การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด โดยมีความมุ่งหมาย
เพื่อการอบรมสั่งสอน
โทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด
มี ๔ สถาน ดังนี้
(๑) ว่ากล่าวตักเตือน
(๒)
ทำทัณฑ์บน
(๓)
ตัดคะแนนความประพฤติ
(๔) ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ห้ามลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง
หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท
โดยให้คำนึงถึงอายุของนักเรียนหรือนักศึกษา
และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษด้วยมีอำนาจในการลงโทษนักเรียน นักศึกษา
การว่ากล่าวตักเตือน
ใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษากระทำความผิดไม่ร้ายแรง
การทำทัณฑ์บนใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียนหรือนักศึกษา
ตามกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
การตัดคะแนนความประพฤติ
ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษากำหนด
และให้ทำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียนและนักศึกษากระทำความผิดที่สมควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
6.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยกำหนดเวลาและวันหยุดราชการของสถานศึกษา
พ.ศ.2547
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการของสถานศึกษา
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย โพธารามิก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ให้สถานศึกษาเริ่มงานตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 16.30 น. หยุดกลางวันเวลา 12.00 ถึง 13.00 น. เป็นเวลาทำงานตามปกติ
โดยมีวันหยุดราชการประจำสัปดาห์ คือ วันเสาร์และวันอาทิตย์
หยุดราชการเต็มวันทั้งสองวัน
วันปิดภาคเรียนให้ถือว่าเป็นวันพักผ่อนของนักเรียน
ซึ่งสถานศึกษาอาจอนุญาตให้ข้าราชการหยุดพักผ่อนด้วยก็ได้
แต่ถ้ามีราชการจำเป็นให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการเหมือนการมาปฏิบัติราชการตามปกติ
วันที่สถานศึกษาทำการสอบชดเชยหรือทดแทน
เนื่องจากสถานศึกษาสั่งปิดด้วยเหตุพิเศษหรือกรณีพิเศษต่างๆ
ให้ถือว่าเป็นวันทำงานปกติตามระเบียบนี้
7.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการตั้งชื่อสถานศึกษา
พ.ศ.2547
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการตั้งชื่อสถานศึกษา
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2547 นายอดิศัย โพธารามิก
รัฐมนตรีว่ากากระทรวงศึกษาธิการ
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย
โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้
การตั้งชื่อสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาในระดับต่ำกว่าปริญญาให้ใช้คำว่า “โรงเรียน” หรือ “วิทยาลัย” เป็นคำขึ้นต้นแล้วแต่กรณีและต่อด้วยชื่อ จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน วัด
ชื่อบุคคล ผู้ได้รับการจำรึกในประวัติศาสตร์หรือสถานที่อื่นใด
ให้สถานศึกษาที่ได้ตั้งชื่ออยู่แล้วในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับให้ใช้ชื่อเดิมต่อไป
เว้นแต่จะมีการตั้งชื่อใหม่ตามระเบียบนี้
8.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการตั้งชื่ออาคาร
ห้อง หรืออุปกรณ์ของสถานศึกษา พ.ศ.2549
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการตั้งชื่ออาคาร
ห้องหรืออุปกรณ์ของสถานศึกษา
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549
ผู้ลงนามในระเบียบ คุณหญิงกษมา
วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้ออกระเบียบฯ
ว่าด้วยการตั้งชื่ออาคาร ห้อง หรืออุปกรณ์ของสถานศึกษา พ.ศ. 2549 เมื่อวันที่ 28
กันยายน 2549 กำหนดว่า “สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ยกเว้นสถานศึกษาสังกัดคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสถานศึกษาสังกัดคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ให้มีการตั้งชื่อที่เหมาะสมกับการบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
การตั้งชื่ออาคารของสถานศึกษา ซึ่งมีผู้บริจาคให้สร้างอาคารทั้งหลัง
โดยทุนทรัพย์ผู้เดียว หากผู้บริจาคนั้นประสงค์จะจารึกชื่อไว้ในอาคารควรให้เป็นไปตามความประสงค์ของผู้บริจาค
การตั้งชื่อห้องซึ่งผู้บริจาคทรัพย์สร้างโดยทุนทรัพย์ผู้เดียว
หารผู้บริจาคนั้นประสงค์จะจารึกชื่อไว้ที่ห้องควรให้เป็นไปตามความประสงค์ของผู้บริจาค
การที่มีผู้จัดซื้อให้หรือบริจาคทรัพย์เพื่อซื้ออุปกรณ์โดยทุนทรัพย์ผู้เดียว
หากผู้จัดซื้อหรือผู้บริจาคนั้นประสงค์จะจารึกชื่อไว้ที่ห้องควรให้เป็นไปตามความประสงค์ของผู้บริจาค
เพื่อเป็นการยกย่องบุคคลผู้มีคุณภาพดีเกี่ยวกับสถานศึกษาหรือท้องถิ่น
แม้ไม่ได้บริจาคทรัพย์ให้สร้างอาคาร หากสถานศึกษาเห็นสมควรและประชาชนสนับสนุนการจารึกชื่อผู้นั้นไว้ที่อาคารให้อยู่ในดุลพินิจของส่วนราชการต้นสังกัด
9.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการแก้
วัน เดือน ปีเกิด ของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2547
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการแก้วัน
เดือน ปีเกิดของนักเรียนและนักศึกษา
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2547
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ การขอแก้วัน เดือน ปีเกิดของนักเรียนและนักศึกษาให้ถือปฏิบัติดังนี้
1. ในกรณีวัน
เดือน
ปีเกิดของนักเรียนและนักศึกษาผิดพลาดไม่ตรงกับความเป็นจริงด้วยเหตุที่เจ้าหน้าที่ของสถานศึกษาเขียนผิดพลาดหรือเขียนตกให้หัวหน้าสถานศึกษาเป็นผู้แก้ไขให้ถูกต้องตามที่เป็นจริงในหลักฐานและการแก้ไขตกเติมให้ขีดฆ่าด้วยเส้นหมึกสีแดงโดยประณีตแล้วเขียนเติมลงใหม่ด้วยเส้นหมึกสีแดงโดยลงนามผู้แก้และวัน
เดือน ปี ย่อกำกับไว้ด้วยทุกแห่ง
2. ในกรณีวัน
เดือน
ปีเกิดของนักเรียนและนักศึกษาผิดพลาดและมีผู้ร้องขอให้แก้ผู้ร้องจะต้องส่งคำร้องตามแบบท้ายระเบียบนี้และเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อสถานศึกษาเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัย
วัน เดือน ปีเกิด ตามลำดับความสำคัญ
3. เมื่อทางสถานศึกษาได้พิจารณาวินิจฉัยเอกสารตามข้อ 5
(2)(ก) แล้วถ้าปรากฏชัดแจ้งว่า วัน เดือน ปีเกิด ผิดพลาดไม่ตรงกับหลักฐานความเป็นจริง ให้ทำรายงานส่งคำร้องขอแก้วัน
เดือน ปีเกิด พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานดังกล่าวข้างต้นและสำเนาการสอบสวน (ถ้ามี) ไปตามระเบียบราชการเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่งเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบแก้ไขเป็นรายๆไป
10.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการบริหารจัดการและขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคลในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา
พ.ศ.2546
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการบริหารจัดการและขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นเป็นนิติบุคคลในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2546
ผู้ลงนามในระเบียบ นายปองพล
อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ให้สถานศึกษามีวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่เพื่อจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติและกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกาชระทรวงศึกษาธิการ
ในกิจกรรมทั่วไปของสถานศึกษาที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอกให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาเป็นผู้แทนของนิติบุคคลสถานศึกษา
ให้สถานศึกษามีอำนาจปกครอง ดูแล บำรุง รักษา
ใช้และจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้แก่สถานศึกษา
เว้นแต่การจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้อุทิศให้สถานศึกษา
ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
ในกรณีที่จะต้องมีการจดทะเบียนสิทธิ
ขึ้นทะเบียนเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้แก่สถานศึกษา
ให้สถานศึกษาสามารถดำเนินการทางทะเบียนดังกล่าวได้ในนามนิติบุคคลสถานศึกษา
ในกรณีนิติบุคคลสถานศึกษาถูกฟ้องคดี
ให้สถานศึกษารายงานให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
เพื่อแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทราบเพื่อดำเนินการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบดำเนินคดีโดยเร็ว
สถานศึกษาจะมีอิสระในการบริการจัดการงบประมาณในส่วนของที่ตั้งไว้สำหรับสถานศึกษาที่ได้รับกำหนดวงเงินและได้รับมอบอำนาจจากเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามหลักเกณฑ์ที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด
ทั้งนี้ ยกเว้นงบประมาณในหมวดเงินเดือน
สถานศึกษามีอิสระในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการพัสดุในส่วนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่เลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานประกาศกำหนด
การรับบริจาคเงินให้สถานศึกษารับบริจาคตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการรับเงินและตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการการศึกษาธิการขั้นพื้นฐานกำหนด
การบริหารจัดการเกี่ยวกับการเงินและบัญชีของสถานศึกษาให้เป็นไปตามระเบียบที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาธิการขั้นพื้นฐานกำหนด
เมื่อมีประกาศยุบ รวม เลิก
สถานศึกษา ให้สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาจัดให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชี
รวมทั้งดำเนินการโอนหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ยังคงเหลืออยู่ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด
11.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียน
และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ.2548
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา
พ.ศ.2548
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2548
ผู้ลงนามในระเบียบ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ให้ทำหนังสือขออนุญาตเสนอผู้มีอำนาจอนุญาต
ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน
การพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา ครู นักเรียน
(/2 คนขึ้นไป) กิจกรรมการเรียนการสอน
ในหรือนอกเวลาสอน(ไม่นับเดินทางไกล+อยู่ค่ายพักแรมฯ)การไปนอกสถานที่ตามคำสั่งในทางราชการการพาไปนอกสถานศึกษาไม่ค้างคืน
ผู้บริหารสถานศึกษาการพาไปนอกสถานศึกษาค้างคืน ผอ.สพท./ผู้รับมอบหมาย/ผู้มีอำนาจเหนือสถานศึกษา 1 ชั้น การพาไปนอกราชอาณาจักร หัวหน้าส่วนราชการ/ผู้ได้รับมอบหมายการควบคุม ผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้รับมอบหมาย ครู 1
: นักเรียนไม่เกิน 30 คน ถ้ามีนักเรียนหญิงต้องมีครูหญิงส่งคำขออนุญาตพร้อมโครงการต่อผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนอนุญาตไปมาแล้วให้รายงานต่อผู้อนุญาตทราบถือว่าไปราชการ เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
12.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษาต่อและอบรมภายในประเทศ(ฉบับที่
2) พ.ศ.2547
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการให้ข้าราชการไปศึกษาต่อและอบรมภายในประเทศ
(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2547
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2547
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ข้าราชการครูต้องมีเวลารับราชการติดต่อกันไม่น้อยกว่า 24 เดือนเต็ม ทั้งนี้นับถึงวันที่ 15มิถุนายน ของปีที่จะเข้าศึกษา
กรณีมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ข้าราชการที่มีเวลารับราชการติดต่อกันน้อยกว่า 24 เดือนเต็ม แต่ ไม่น้อยกว่า 12 เดือนเต็ม
ไปศึกษาต่อในสาขาวิชาที่เป็นประโยชน์และจาเป็นอย่างยิ่ง
จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้มีอานาจอนุญาตเป็นรายๆ ไป มีอายุไม่เกิน 45 ปี บริบูรณ์ นับถึงวันที่ 15มิถุนายน
ของปีที่จะเข้าศึกษาปฏิบัติราชการด้วยดี มีความประพฤติเรียบร้อย
และไม่อยู่ระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัย ในกรณีที่ถูกลงโทษทางวินัย
ระดับโทษต้องไม่สูงกว่าโทษภาคทัณฑ์
ข้าราชการที่ถูกลงโทษตัดเงินเดือนจะไปศึกษาต่อได้
เมื่อพ้นโทษตัดเงินเดือนแล้ว หรือถ้าเป็น ผู้ถูกลงโทษลดขั้นเงินเดือนจะไปศึกษาต่อได้
เมื่อถูกลงโทษลดขั้นเงินเดือนแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหกเดือน
ข้าราชการที่อยู่ในระหว่างลาศึกษาต่อภายในประเทศภาคปกติ
จะสมัครสอบหรือสอบคัดเลือกเพื่อไปศึกษา หรือฝึกอบรมอื่นใดมิได้
มีคุณสมบัติและพื้นความรู้ตามระเบียบที่สถาบันการศึกษานั้นๆ กำหนดไว้
ข้าราชการที่เคยได้รับอนุญาตให้ไปศึกษาต่อภาคปกติ
หรือศึกษาต่อต่างประเทศแล้วจะศึกษาต่ออีก ต้องกลับไปปฏิบัติราชการตามที่กำหนดในข้อ
1
กรณีที่มีความจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ข้าราชการซึ่งกลับมาปฏิบัติราชการไม่ครบตามกำหนดไปศึกษาต่ออีก
จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้มีอานาจอนุญาตเป็นรายๆไปจำนวนผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกให้ไปศึกษาต่อ
ต้องไม่เกิน 5% ของจานวนข้าราชการ ในสถานศึกษา หรือ หน่วยงานนั้นๆ ทั้งนี้
รวมทั้งข้าราชการที่กาลังศึกษาต่ออยู่ภายในประเทศและต่างประเทศด้วย
เศษถึงครึ่งให้ปัดเป็น 1 คน (ไม่นับฝ่ายบริหาร)
และข้าราชการที่เหลืออยู่จะต้องสอนไม่เกินคนละ 22 คาบต่อสัปดาห์ ในหมวดวิชานั้นๆ
หรืออยู่ในดุลยพินิจของผู้มีอานาจอนุญาต
สถานศึกษาหรือหน่วยงานใด
มีข้าราชการจานวนน้อย และคิดเป็นโควตาไม่ได้ แต่มีผู้สอบ คัดเลือกเพื่อศึกษาต่อได้
ให้ศึกษาต่อได้โรงเรียนหรือหน่วยงานละไม่เกิน 1 คน
13.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการจัดกิจกรรมสหกรณ์ในสถานศึกษา
พ.ศ.2548
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการจัดกิจกรรมสหกรณ์ในสถานศึกษา
พ.ศ.2548
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2548
ผู้ลงนามในระเบียบ นายจาตุรนต์ ฉายแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ให้สถานศึกษาต่าง ๆ
ส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมสหกรณ์ขึ้นในสถานศึกษาโดยให้มีครูอาจารย์ นักเรียน
นิสิต นักศึกษา และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในสถานศึกษาเป็นสมาชิก
ในการจัดกิจกรรมสหกรณ์ในสถานศึกษา
ให้มุ่งถึงประโยชน์ทางการศึกษาเป็นประการสำคัญ
เงินที่ใช้ในการจัดกิจกรรมสหกรณ์ดังกล่าวนี้เรียกว่า“เงินกิจกรรมสหกรณ์” ไม่ใช่เงินบำรุงการศึกษา
และอยู่นอกการควบคุมของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเงินบำรุงการศึกษา พ.ศ.
2520 ให้จัดทำบัญชีตามวิธีการของสหกรณ์แต่ละประเภท
โดยอยู่ในความควบคุมของสถานศึกษา
สถานศึกษาใดเริ่มจัดกิจกรรมสหกรณ์เมื่อใดสำหรับสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคให้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบสำหรับสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในส่วนกลางหรือขึ้นตรงกับส่วนกลางให้รายงานอธิบดีเจ้าสังกัดทราบ
สถานศึกษาใดเลิกจัดกิจกรรมสหกรณ์เมื่อใด
ให้รายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดหรืออธิบดีเจ้าสังกัด ตามความทราบ แล้วแต่กรณี
ข้อบังคับของกิจกรรมสหกรณ์แต่ละประเภท ให้เป็นไปตามที่กระทรวงศึกษากำหนด
ให้สถานศึกษารายงานผลการดำเนินงาน
สถานะการเงินและงบดุลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรืออธิบดีเจ้าสังกัดทราบทุกปี
หลังการประชุมใหญ่ประจำปี
กิจกรรมสหกรณ์ประเภทใดของสถานศึกษาใด ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ก่อนวันใช้ระเบียบนี้
ให้ถือว่าการดำเนินการกิจกรรมสหกรณ์ประเภทนั้นของสถานศึกษานั้นมีผลสมบูรณ์
14.หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในที่พักของทางราชการ
พ.ศ.2550
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในที่พักของทางราชการ
พ.ศ.2550
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2550
ผู้ลงนามในระเบียบ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ กำหนดหลักการเพิ่มเติมให้ผู้มีอำนาจจัดที่พักของส่วนราชการสามารถใช้ดุลพินิจจัดให้ข้าราชการที่บรรจุเข้ารับราชการครั้งแรก และเดือดร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยเข้าพักในที่พักของทางราชการได้ โดยจะต้องไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณเพิ่มขึ้น กล่าวคือหากส่วนราชการใดจะใช้ดุลพินิจดังกล่าว จะต้องบริหารเงินงบประมาณที่ได้รับให้อยู่ภายในวงเงินที่ได้รับจัดสรรด้วย
แก้ไขบทบัญญัติที่อ้างอิงให้ถูกต้องสอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ
พ.ศ. 2547 รวมทั้งปรับปรุงถ้อยคำของหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติบางส่วนให้มีความชัดเจนและเข้าใจยิ่งขึ้น
เช่น บทบัญญัติที่อ้างฐานอำนาจให้ออกหลักเกณฑ์ฯ จากเดิมที่อ้างตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ
พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เปลี่ยนเป็นพระราชกฤษฎีกาเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 เป็นต้น
15.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการขยายชั้นเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ. 2550
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขยายชั้นเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550
ผู้ลงนามในระเบียบ นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้
การขยายชั้นเรียนระดับประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และชั้นประถมศึกษาให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาตามความเหมาะสม
การขยายชั้นเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาจากองค์ประกอบต่าง
ๆ ดังนี้
สถานศึกษาต้องผ่านการประเมินคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สถานศึกษาต้องมีอาคาร
สถานที่เหมาะสม เพียงพอ
และเอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนมีจำนวนนักเรียนที่จะเข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ไม่น้อยกว่า 40 คน ต้องมีครูที่มีคุณวุฒิ ความรู้
ความสามารถตรงกับงานที่รับผิดชอบมีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
และมีครูเพียงพอในกลุ่มสาระการเรียนรู้หลัก
สถานศึกษาต้องมีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีศักยภาพ พร้อมที่จะรองรับการจัดการ
ศึกษาตลอดหลักสูตร
การขยายชั้นเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาจากองค์ประกอบต่าง
ๆ ดังนี้
สถานศึกษาต้องผ่านการประเมินคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานภาพรวมอยู่ในระดับดี
ต้องมีอาคาร สถานที่เหมาะสม เพียงพอ และเอื้อต่อการจัดการเรียนการสอน ทั้งนี้ให้มีห้องเรียน
ห้องปฏิบัติการ ห้องสมุด พื้นที่สีเขียว
และสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอและอยู่ในสภาพใช้การได้ดี
มีการจัดและใช้แหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกสถานศึกษา
มีจำนวนนักเรียนที่จะเข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ไม่น้อยกว่า40 คนเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายต่ำ
ในกรณีที่เป็นพื้นที่พิเศษให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นในการขอขยายชั้นเรียน
มีแผนชั้นเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่น้อยกว่า5ห้องเรียน
ต้องมีครูที่มีคุณวุฒิ ความรู้ ความสามารถตรงกับงานที่รับผิดชอบมีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
และมีครูเพียงพอทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
และสถานศึกษาต้องมีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีศักยภาพ
พร้อมที่จะรองรับการจัดการศึกษาตลอดหลักสูตร
16.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการจัดตั้ง
รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2550
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการจัดตั้ง
รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2550
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548
ผู้ลงนามในระเบียบ นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาจัดตั้งสถานศึกษาใหม่
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจัดทำแผนการจัดตั้งสถานศึกษา
และนำเสนอคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา โดยสถานศึกษาที่จะจัดตั้งขึ้นในชุมชนใดต้องมีจำนวนนักเรียน
ดังต่อไปนี้
ระดับประถมศึกษา
ต้องมีจำนวนนักเรียนในแต่ละรายอายุไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าคนมาเข้าเรียน
ถ้ามีนักเรียนในแต่ละรายอายุไม่ถึงยี่สิบห้าคน แต่มากกว่าสิบคน
ให้จัดตั้งเป็นสาขาของสถานศึกษาอื่น
ระดับมัธยมศึกษา
ต้องมีจำนวนนักเรียนที่จะมาเข้าเรียนชั้นละไม่น้อยกว่าแปดสิบคนถ้ามีนักเรียนไม่ถึงชั้นละแปดสิบคน
แต่มากกว่าสี่สิบคน
ให้จัดตั้งเป็นสาขาของสถานศึกษาอื่นสถานที่ที่จะจัดตั้งสถานศึกษาต้องเป็นที่ดินที่มีหลักฐานอนุญาตให้ใช้
ตามประเภทของที่ดินอย่างถูกต้อง จำนวนไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าไร่
สถานศึกษาที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่จะต้องอยู่ห่างจากสถานศึกษาประเภทเดียวกัน
ที่ตั้งอยู่เดิมไม่น้อยกว่าหกกิโลเมตร ตามเส้นทางคมนาคม
ให้บุคคล นิติบุคคล องค์กรชุมชน
องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนาสถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น
ยื่นคำร้องขอให้จัดตั้งสถานศึกษาต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
การรวมสถานศึกษา ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณารวมสถานศึกษาตั้งแต่สองแห่งขึ้นไปเพื่อให้สถานศึกษามีการบริหารและจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ
เกิดผลดีแก่ผู้เรียน ทั้งในด้านสิทธิโอกาส และคุณภาพการศึกษา
โดยจัดเป็นชั้นหรือช่วงชั้น
การเลิกสถานศึกษา
ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาเลิกสถานศึกษา
เมื่อสถานศึกษานั้นมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) ไม่มีนักเรียนที่จะจัดการเรียนการสอน
(2) จำนวนนักเรียนลดลง
จนไม่สามารถพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาได้
แนวปฏิบัติในการเลิกสถานศึกษา
การจัดตั้งสถานศึกษา ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาจัดตั้งสถานศึกษาใหม่
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจัดทำแผนการจัดตั้งสถานศึกษา
และนำเสนอคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
โดยสถานศึกษาที่จะจัดตั้งขึ้นในชุมชนใดต้องมีจำนวนนักเรียน ดังต่อไปนี้
ระดับประถมศึกษา
ต้องมีจำนวนนักเรียนในแต่ละรายอายุไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าคนมาเข้าเรียน ถ้ามีนักเรียนในแต่ละรายอายุไม่ถึงยี่สิบห้าคน
แต่มากกว่าสิบคน ให้จัดตั้งเป็นสาขาของสถานศึกษาอื่น
ระดับมัธยมศึกษา
ต้องมีจำนวนนักเรียนที่จะมาเข้าเรียนชั้นละไม่น้อยกว่าแปดสิบคนถ้ามีนักเรียนไม่ถึงชั้นละแปดสิบคน
แต่มากกว่าสี่สิบคน ให้จัดตั้งเป็นสาขาของสถานศึกษาอื่นสถานที่ที่จะจัดตั้งสถานศึกษาต้องเป็นที่ดินที่มีหลักฐานอนุญาตให้ใช้
ตามประเภทของที่ดินอย่างถูกต้อง จำนวนไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าไร่
สถานศึกษาที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่จะต้องอยู่ห่างจากสถานศึกษาประเภทเดียวกัน
ที่ตั้งอยู่เดิมไม่น้อยกว่าหกกิโลเมตร ตามเส้นทางคมนาคม
ให้บุคคล นิติบุคคล องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน
องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนาสถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น
ยื่นคำร้องขอให้จัดตั้งสถานศึกษาต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
การรวมสถานศึกษา
ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณารวมสถานศึกษาตั้งแต่สองแห่งขึ้นไปเพื่อให้สถานศึกษามีการบริหารและจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ
เกิดผลดีแก่ผู้เรียน ทั้งในด้านสิทธิโอกาส และคุณภาพการศึกษา
โดยจัดเป็นชั้นหรือช่วงชั้น
การเลิกสถานศึกษา ให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาเลิกสถานศึกษา
เมื่อสถานศึกษานั้นมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) ไม่มีนักเรียนที่จะจัดการเรียนการสอน
(2) จำนวนนักเรียนลดลง
จนไม่สามารถพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาได้
แนวปฏิบัติในการเลิกสถานศึกษา ให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนและชุมชน
แล้วให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานำเสนอคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาให้สถานศึกษา
แจ้งผู้ปกครองนักเรียนและชุมชนทราบล่วงหน้า
ไม่น้อยกว่าหนึ่งปีก่อนวันเปิดภาคเรียนแรกของปีการศึกษาถัดไป
ทรัพย์สินและชำระบัญชี
รวมถึงการดำเนินการโอนหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ยังคงเหลืออยู่ของสถานศึกษา
บรรดาเอกสารสำคัญของสถานศึกษาที่ถูกเลิกทุกประเภท ให้โอนไปอยู่ใน ความดูแล รับผิดชอบของสถานศึกษาอื่นตามที่คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษากำหนด
17.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
พ.ศ. 2548
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 กระทรวงศึกษาธิการ
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย โพธารามิก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ เจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการเพื่อส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาดังต่อไปนี้
1.สอบถามครู อาจารย์
หรือหัวหน้าสถานศึกษา เกี่ยวกับความประพฤติ การศึกษา
นิสัยและสติปัญญาของนักเรียนหรือนักศึกษาที่ฝ่าฝืนกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา
หรือระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษา
2.เรียกให้ผู้ปกครอง
ครู อาจารย์
หรือหัวหน้าสถานศึกษาที่นักเรียนหรือนักศึกษานั้นกำลังศึกษาอยู่มารับตัวนักเรียนหรือนักศึกษา
เพื่อว่ากล่าว อบรม สั่งสอน ต่อไป
3.ให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองในเรื่องการอบรมและสั่งสอนนักเรียนหรือนักศึกษา
4.เรียกผู้ปกครองมาว่ากล่าวตักเตือนหรือทำทัณฑ์บนว่าจะปกครองดูแลมิให้นักเรียนหรือนักศึกษาฝ่าฝืนกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา
หรือระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษาอีก
5.สอดส่อง ดูแล
รวมทั้งรายงานต่อคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคล
หรือแหล่งที่ชักจูงนักเรียนและนักศึกษาให้ประพฤติในทางมิชอบ
6.ประสานงานกับผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา
ครู ผู้ปกครอง ตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่น
18.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน
พ.ศ.2551
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องเครื่องแบบนักเรียน
พ.ศ.2551
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ผู้ลงนามในระเบียบ นายศรีเมือง เจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ให้สถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษากำหนดให้รายละเอียดเกี่ยวกับการแต่ง วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งเครื่องแบบนักเรียนดังนี้
ชนิดและแบบของเครื่องแบบ
รวมทั้งจัดทำรูปเครื่องแบบตามระเบียบนี้ไว้เป็นตัวอย่างเครื่องหมายของสถานศึกษา
การกำหนดรายละเอียดตามวรรคหนึ่งให้สถานศึกษาขอความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง หรือผู้กำกับดูแลสถานศึกษานั้น แล้วแต่กรณีและประกาศให้นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนทราบ
สถานศึกษาใดมีความประสงค์จะขอใช้เครื่องแบบเป็นอย่างอื่นนอกจากที่กำหนดในระเบียบนี้ให้ขออนุญาตต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งหรือผู้กำกับดูแลสถานศึกษานั้นแล้วแต่กรณี
สถานศึกษาใดจะกำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวิชาทหารหรือแต่งชุดพื้นเมือง ชุดไทย ชุดลำลอง ชุดฝึกงาน ชุดกีฬา ชุดนาฏศิลป์ หรือชุดอื่น ๆ
แทนเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบนี้ในวันใด ให้เป็นไปตามที่สถานศึกษากำหนดโดยคำนึงถึงความประหยัดและเหมาะสม
ในกรณีมีเหตุจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษให้สถานศึกษาพิจารณายกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งเครื่องแบบนักเรียนได้ตามความเหมาะสม
นักเรียนซึ่งศึกษาในสถานศึกษาที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้แต่งกายสุภาพ
นักเรียนผู้ใดไม่แต่งเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่ได้รับยกเว้นตามระเบียบนี้ให้สถานศึกษาพิจารณาลงโทษทางวินัยตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนตามความเหมาะสม
สถานศึกษาใดที่ใช้เครื่องแบบนักเรียนอยู่แล้วตามระเบียบเดิม หรือใช้เครื่องแบบเป็นอย่างอื่นโดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับให้คงใช้ได้ต่อไป
ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
19.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา
พ.ศ.2548
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับหลักฐานในการรับนักเรียน
นักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษาให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติและกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับเพื่อเป็นการเปิดโอกาสแก่บุคคลให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2548
ผู้ลงนามในระเบียบ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ให้สถานศึกษาถือเป็นหน้าที่
ในการที่จะรับเด็กที่อยู่ในวัยการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ
เข้าเรียนในสถานศึกษา กรณีเด็กย้ายที่อยู่ใหม่ สถานศึกษาต้องอำนวยความสะดวก
และติดตามให้เด็กได้เข้าเรียน ในสถานศึกษาที่ใกล้กับที่อยู่ใหม่
การรับนักเรียนนักศึกษาในกรณีที่ไม่เคยเข้าเรียนในสถานศึกษามาก่อน
ให้สถานศึกษาเรียกหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งตามลำดับเพื่อนำมาลงหลักฐานทางการศึกษา
ดังต่อไปนี้
1.สูติบัตร
2.กรณีที่ไม่มีหลักฐานตาม 1 ให้เรียกหนังสือรับรองการเกิด บัตรประจำตัวประชาชน
3.สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
หรือหลักฐานที่ทางราชการจัดทำขึ้นในลักษณะเดียวกัน
ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานตาม 1หรือ 2ให้เรียกหลักฐานที่ทางราชการออกให้
หรือเอกสารตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ใช้ได้
4.ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานตาม 1
2 และ 3ให้บิดา มารดา ผู้ปกครอง
หรือองค์กรเอกชนทำบันทึกแจ้งประวัติบุคคล ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้
เป็นหลักฐานที่จะนำมาลงหลักฐานทางการศึกษา
5.ในกรณีที่ไม่มีบุคคล
หรือองค์กรเอกชนตามให้ซักถามประวัติบุคคลผู้มาสมัครเรียนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำลงรายการบันทึกแจ้งประวัติบุคคลตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้เป็นหลักฐานที่จะนำมาลงหลักฐานทางการศึกษา
20.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา
การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ.2549
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องปีการศึกษา
การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ.2549
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549
ผู้ลงนามในระเบียบ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
ผู้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ปีการศึกษา
ภาคเรียนที่ 1 เปิดเรียน 16
พฤษภาคม ปิด 11 ตุลาคม ในปีเดียวกัน
ภาคเรียนที่ 2 เปิด 1 พฤศจิกายน
ปิด 1 เมษายน ในปีถัดไปว่าด้วยการปิดเรียนกรณีพิเศษ คือ ปิดเพราะใช้สถานที่จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร จัดอบรมสัมมนา เข้าค่าย
พักแรม หรือกิจกรรมอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน หรือกรณีอื่น ๆ
ที่ไม่สามารถเปิดเรียนตามปกติได้ ผู้อำนวยการโรงเรียน สั่งปิดได้ไม่เกิน 7 วัน
โดยต้องมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่สั่งด้วยวาจาก่อนในกรณีจำเป็นได้ แต่ต้องจัดทำคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรให้เรียบร้อยภายใน
3 วัน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ฯสั่งปิดได้ไม่เกิน 15
วันว่าด้วยการปิดเรียนเหตุพิเศษ คือเหตุจากสาธารณภัยหรือภัยพิบัติต่าง
ๆ ผอ.ร.ร.สั่งปิดได้ไม่เกิน 15 วัน ผอ.สำนักงานเขตฯ สั่งปิดได้ไม่เกิน 30 วัน
หากปิดครบแล้วเหตุการณ์ยังไม่สงบจะสั่งปิดต่อไปอีกได้โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของ
ผู้อำนวยการโรงเรียน ระหว่างปิดนั้น ผอ.ร.ร.จะสั่งให้ครูมาปฏิบัติราชการด้วยก็ได้
ปิดแล้วต้องจัดวันเปิดสอนชดเชยให้ครบตามจำนวนวันเปิดเรียนปกติที่ปิดไปด้วย
21.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ
พ.ศ. 2550
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ พ.ศ.2536 ให้มีความชัดเจน สอดคล้องกับการปฏิบัติงานที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์
และเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2550
ผู้ลงนามในระเบียบ นายปรีดิยาธร
เทวกุลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้เวลาราชการ หมายความว่า
เวลาระหว่าง 08.30 ถึง 16.30 น. ของวันทำการ และให้หมายความรวมถึงช่วงเวลาอื่นที่ส่วนราชการกำหนดให้ข้าราชการในสังกัดปฏิบัติงานเป็นผลัดหรือกะหรือเป็นอย่างอื่นด้วย
วันทำการ หมายความว่า
วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และให้หมายความรวมถึงวันทำการ
ที่ส่วนราชการกำหนดเป็นอย่างอื่นด้วย
วันหยุดราชการ หมายความว่า
วันเสาร์และวันอาทิตย์
หรือวันหยุดราชการประจำสัปดาห์ที่ส่วนราชการกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
และให้หมายความรวมถึงวันหยุดราชการประจำปีหรือวันหยุดพิเศษอื่น ๆ
ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการนอกเหนือจากวันหยุดราชการประจำปี
การปฏิบัติงานเป็นผลัดหรือกะ
หมายความว่า การปฏิบัติงานประจำตามหน้าที่ของข้าราชการในส่วนราชการนั้น ๆ
ซึ่งจัดให้มีการปฏิบัติงานผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงช่วงเวลาที่ปฏิบัติงานดังกล่าวถือเป็นเวลาราชการของข้าราชการผู้นั้น
ทั้งนี้ การปฏิบัติงานในผลัดหรือกะหนึ่ง ๆ ต้องมีเวลาไม่น้อยกว่าแปดชั่วโมง
โดยรวมเวลาหยุดพัก
การปฏิบัติงานนอกเวลาราชการต้องได้รับอนุมัติจากหัวหน้าส่วนราชการ
เจ้าของงบประมาณหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายก่อนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ
โดยให้พิจารณาเฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็นต้องอยู่ปฏิบัติงานนอกเวลาราชการในครั้งนั้น ๆ
เพื่อประโยชน์ของงานราชการเป็นสำคัญ
และให้คำนึงถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับระบบและวิธีการจัดการงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์ของส่วนราชการ
กรณีที่มีราชการจำเป็นเร่งด่วนต้องปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ
โดยยังไม่ได้รับอนุมัติตามวรรคหนึ่ง
ให้ดำเนินการขออนุมัติจากผู้มีอำนาจโดยไม่ชักช้า
และให้แจ้งเหตุแห่งความจำเป็นที่ไม่อาจขออนุมัติก่อนได้
กรณีข้าราชการได้รับคำสั่งให้เดินทางไปราชการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุมัติให้เดินทางไปราชการและการจัดการประชุมของทางราชการ
พ.ศ. 2524 ไม่มีสิทธิได้รับเงินตอบแทน
เว้นแต่ได้รับอนุมัติให้ปฏิบัติงานนอกเวลาราชการก่อนการเดินทาง
เมื่อการเดินทางไปราชการนั้นเสร็จสิ้นและกลับถึงที่ตั้งสำนักงานในวันใด หากจำเป็นต้องปฏิบัติงานนอกเวลาราชการในวันนั้น
ให้เบิกเงินตอบแทนได้
22.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยสมุดหมายเหตุรายวัน
พ.ศ.2549
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องสมุดหมายเหตุรายวัน พ.ศ.2549
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 28 กันยายน
พ.ศ. 2549
ผู้ลงนามในระเบียบ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
ผู้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ การลงทะเบียนนักเรียน
ตามปกติต้องลงด้วยปากกาหมึกซึมสีดำ ห้ามการขูดลบเพิ่มเติม ถ้าเขียนผิดพลาดหรือตก
จำเป็นต้องแก้ไข ก็ให้ขีดฆ่าด้วยปากกาหมึกซึมสีแดงโดยประณีต
แล้วเขียนใหม่ด้วยปากกาหมึกซึมสีแดง การแก้ไขให้หัวหน้าสถานศึกษาเป็นผู้แก้ไข
แล้วลงนาม วัน เดือน ปี ย่อกำกับไว้ด้วยทุกแห่ง
กับให้ลงบันทึกแสดงเหตุผลที่แก้ไว้ในสมุดหมายเหตุรายวันด้วยการลงทะเบียนนักเรียนลงแล้วให้เป็นแล้วไป
จะคัดลอกขึ้นหน้าใหม่ไม่ได้นอกจากได้รับอนุญาตจากหัวหน้าหน่วยงานเจ้าสังกัดที่สูงกว่าสถานศึกษาชั้นหนึ่ง
สถานศึกษาเอกชนที่ตั้งอยู่ในส่วนกลางต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการกองทะเบียน
ที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคต้องได้รับอนุญาตจากศึกษาธิการอำเภอ
กรณีการแก้ วัน เดือน ปีเกิด
ถ้าเป็นนักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์บังคับเข้าเรียนตามกฎหมายว่าด้วยประถมศึกษา
ให้หัวหน้าหน่วยงานเจ้าสังกัดที่สูงกว่าสถานศึกษาชั้นหนึ่งเป็นผู้พิจารณาอนุญาตสถานศึกษาเอกชนที่ตั้งอยู่ในส่วนกลางให้ผู้อำนวยการกองทะเบียน
เป็นผู้พิจารณาอนุญาต ที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคให้ศึกษาธิการอำเภอเป็นผู้พิจารณาอนุญาต
ส่วนนักเรียนหรือนักศึกษาที่ไม่อยู่ในเกณฑ์บังคับเข้าเรียนตามกฎหมายว่าด้วยประถมศึกษา
ให้หัวหน้าสถานศึกษาเป็นผู้พิจารณาแก้ไขได้
กับให้ลงบันทึกแสดงเหตุผลที่แก้ไขไว้ในสมุดหมายเหตุรายวันด้วย
ถ้าการแก้ วัน เดือน ปีเกิด
ของนักเรียนหรือนักศึกษาเป็นกรณีที่จะต้องจัดทำทะเบียนเก็บไว้เป็นหลักฐานที่จังหวัด
หรือที่กรมเจ้าสังกัด เช่น นักเรียนทุนต่าง ๆ เป็นต้น เมื่อผู้มีอำนาจได้
สั่งให้แก้แล้วให้รายงานผู้ว่าราชการจังหวัดหรือกรมเจ้าสังกัดทราบด้วย
23.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการให้ข้าราชการลาไปศึกษาต่อ
และฝึกอบรมภายในประเทศ พ.ศ.2538
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการให้ข้าราชการลาไปศึกษาต่อ
และฝึกอบรมภายในประเทศ
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2538
ผู้ลงนามในระเบียบ นายสุขวิช รังสิตพล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ขั้นตอนการดำเนินการศึกษาต่อภายในประเทศ ภาคปกติ ประเภท ก
1. สพฐ. พิจารณาโควตาประเภท ก ที่ได้รับการจัดสรรจากสถาบันการศึกษาให้สพท.
ตามความเหมาะสม
2. สพท. ประสานงานกับสถาบันการศึกษา เพื่อขอโควตา
ประเภท ก เพิ่ม และดำเนินการคัดเลือกตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติที่ สพฐ.
กำหนด
3. โรงเรียนประสานกับสถาบันการศึกษา เพื่อขอโควตาประเภท ก เพิ่ม
และดำเนินการคัดเลือกตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติที่ สพฐ. กำหนด
4. สพท.
แจ้งรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกไปยังสถาบันการศึกษาโดยตรงพร้อมทั้งแจ้งผู้ได้รับ การคัดเลือกไปดำเนินการตามขั้นตอนของสถาบันการศึกษาและรายงานสพฐ. ทราบ
5. ขั้นตอนการดำเนินการลาศึกษาของข้าราชการ
5.1
ข้าราชการขออนุญาตลาศึกษาต่อผู้มีอำนาจอนุญาต
5.2 จัดทำสัญญา
และสัญญาค้ำประกันตามแบบที่กำหนด
6.
ขั้นตอนการดำเนินการของผู้มีอำนาจอนุญาต (ผู้บริหารสถานศึกษา/สพท./สพฐ.)
6.1
จัดทำคำสั่งให้ไปศึกษาต่อ
6.2 จัดทำหนังสือส่งตัวข้าราชการที่ได้รับอนุญาตให้ลาศึกษา
ไปยังสถาบันการศึกษา
7.
การรายงานจำนวนข้าราชการที่ได้รับอนุญาต การรายงานจำนวนข้าราชการที่ได้รับอนุญาตให้ลาศึกษา/ขยายเวลา/กลับเข้าปฏิบัติราชการเมื่อเสร็จสิ้นการลาศึกษาต่อโดยรายงานให้สพฐ.
ทราบทุกภาคการศึกษา
การลาศึกษาต่อ
1.ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท กำหนด 2 ปี
2.ระดับปริญญาเอก กำหนด 4
ปี
2.1 คุณวุฒิและสาขาวิชา/วิชาเอกที่ สำนักงาน ก.พ.และ ก.ค. หรือ ก.ค.ศ.
กำหนด/และเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่
กรณีนอกเหนือจากที่ประกาศสพฐ.กำหนด ให้เสนอสพฐ.
พิจารณาเป็นรายๆไป ยื่นแบบขออนุญาตให้ ข้าราชการไปศึกษาต่อภายในประเทศ
ภาคปกติ ประเภท ข (แบบที่ 2)แนบผลการสอบคัดเลือกจากสถาบันการศึกษา และสำเนา ก.พ. 7
24.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการให้ข้าราชการลาไปศึกษาต่อ
และฝึกอบรมภายในประเทศ (ฉบับที่2)พ.ศ.2547
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการให้ข้าราชการลาไปศึกษาต่อและฝึกอบรมภายในประเทศ
(ฉบับที่2) พ.ศ.2547
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2547
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย โพธารามิก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ คุณสมบัติผู้ลาศึกษาต่อ
1. ต้องมีเวลารับราชการติดต่อกันไม่น้อยกว่า 24 เดือนเต็ม ทั้งนี้นับถึงวันที่ 15 มิถุนายน
ของปีที่จะเข้าศึกษา
กรณีมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ข้าราชการที่มีเวลารับราชการติดต่อกันน้อยกว่า 24เดือนเต็ม แต่ไม่น้อยกว่า 12 เดือนเต็ม
ไปศึกษาต่อในสาขาวิชาที่เป็นประโยชน์และจำเป็นอย่างยิ่ง จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจอนุญาตเป็นรายๆ ไป
2. มีอายุไม่เกิน 45 ปี บริบูรณ์
นับถึงวันที่ 15 มิถุนายน
ของปีที่จะเข้าศึกษากรณีอายุเกิน 45 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายทั้งนี้ต้องมีเวลากลับมาปฏิบัติราชการชดใช้ทุนครบก่อนเกษียณอายุราชการ
3.ปฏิบัติราชการด้วยดี
มีความประพฤติเรียบร้อย และไม่อยู่ระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัย ในกรณีที่ถูกลงโทษทางวินัย
ระดับโทษต้องไม่สูงกว่าโทษภาคทัณฑ์
ข้าราชการที่ถูกลงโทษตัดเงินเดือนจะไปศึกษาต่อได้
เมื่อพ้นโทษตัดเงินเดือนแล้ว หรือถ้าเป็น
ผู้ถูกลงโทษลดขั้นเงินเดือนจะไปศึกษาต่อได้
เมื่อถูกลงโทษลดขั้นเงินเดือนแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหกเดือน
ข้าราชการที่อยู่ในระหว่างลาศึกษาต่อภายในประเทศภาคปกติ จะสมัครสอบหรือสอบคัดเลือกเพื่อไปศึกษา
หรือฝึกอบรมอื่นใดมิได้
4.มีคุณสมบัติและพื้นความรู้ตามระเบียบที่สถาบันการศึกษานั้นๆ
กำหนดไว้
5.ข้าราชการที่เคยได้รับอนุญาตให้ไปศึกษาต่อภาคปกติ
หรือศึกษาต่อต่างประเทศแล้วจะศึกษาต่ออีก ต้องกลับไปปฏิบัติราชการตามที่กำหนดในข้อ
1 กรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ข้าราชการซึ่งกลับมาปฏิบัติราชการไม่ครบตามกำหนดไปศึกษาต่ออีก จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจอนุญาตเป็นรายๆ ไป
จำนวนผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกให้ไปศึกษาต่อ ต้องไม่เกิน 5% ของจำนวนข้าราชการ
ในสถานศึกษา หรือ หน่วยงานนั้นๆ
ทั้งนี้ รวมทั้งข้าราชการที่กำลังศึกษาต่ออยู่ภายในประเทศและต่างประเทศด้วย
เศษถึงครึ่งให้ปัดเป็น 1 คน (ไม่นับฝ่ายบริหาร)
และข้าราชการที่เหลืออยู่จะต้องสอนไม่เกินคนละ 22 คาบต่อสัปดาห์ ในหมวดวิชานั้นๆ
หรืออยู่ในดุลยพินิจของผู้มีอำนาจอนุญาต
สถานศึกษาหรือหน่วยงานใด มีข้าราชการจำนวนน้อย และคิดเป็นโควตาไม่ได้
แต่มีผู้สอบคัดเลือกเพื่อศึกษาต่อได้ ให้ศึกษาต่อได้โรงเรียนหรือหน่วยงานละไม่เกิน
1 คน
25.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยใบสุทธิของสถานศึกษา
และหนังสือรับรองความรู้ของสถานศึกษา พ.ศ.2547
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องใบสุทธิของสถานศึกษา
และหนังสือรับรองความรู้ของสถานศึกษา พ.ศ.2547
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 30 กันยายน
พ.ศ. 2547
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย โพธารามิก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ การออกหนังสือรับรองความรู้ สถานศึกษาจะออกได้เฉพาะในกรณีที่สถานศึกษาไม่สามารถออกใบสุทธิให้หรือสำเนาต้นขั้วใบสุทธิให้ได้เท่านั้น ซึ่งอาจมีเหตุจากต้นขั้วใบสุทธิสูญหายหรือไม่ปรากฏหลักฐานการออกใบสุทธิ หรือไม่ปรากฏหลักฐานอื่นใด เมื่อสถานศึกษาใด พบกรณีดังได้กล่าวมานี้ต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยใบสุทธิของสถานศึกษาและหนังสือรับรองความรู้ของสถานศึกษา พ.ศ.2547 ข้อ 6 มีขั้นตอนการปฏิบัติให้สถานศึกษาไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานก่อน กล่าวคือสอบสวนให้ได้ความจริงว่า “บุคคลผู้มาขอหนังสือรับรองความรู้จบการศึกษาในสถานศึกษานั้นจริงหรือไม่” อาจสอบสวนหาพยานหลักฐานเอกสารก่อน หากไม่ปรากฏร่อยรอยจากพยานเอกสารเลยก็จำเป็นต้องหาพยานหลักฐานจากพยานบุคคล
สถานศึกษาต้องไต่สวนจนกระทั่งได้หลักฐานเพียงพอว่าบุคคลนั้นจบการศึกษาจริง แล้วรายงานผลการไต่สวน ให้หน่วยงานต้นสังกัดเหนืออีกชั้นหนึ่งพิจารณาว่าเห็นควรให้ออกหนังสือรับรองความรู้ ให้หรือไม่ หากเห็นว่าหลักฐานเชื่อถือได้ ก็จะอนุญาตให้สถานศึกษาออกหนังสือรับรองความรู้ให้ สถานศึกษา ไม่มีอำนาจพิจารณาเอง
26.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยสถาบันศึกษาปอเนาะ พ.ศ.2547
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องสถาบันศึกษาปอเนาะ พ.ศ.2547
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2547
ผู้ลงนามในระเบียบ นายอดิศัย โพธารามิก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นนายทะเบียนสถาบันศึกษาปอเนาะจังหวัด
ทำหน้าที่จดทะเบียนสถาบันปอเนาะและมีหน้าที่ส่งเสริม กำกับ
และสนับสนุนสถานศึกษาปอเนาะที่ได้จดทะเบียนแล้ว
ให้นายทะเบียนออกหลักฐานการจดทะเบียนสถาบันสถานศึกษาปอเนาะ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับร้องขอ
พร้อมเอกสารครบถ้วน ถูกต้อง ตามแบบ ป.น. 2 เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนอิสลามให้สอดคล้องกับสภาพในปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการอาจส่งเสริมและพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะตามความเหมาะสม
27.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยสถาบันศึกษาปอเนาะ
(ฉบับที่2) พ.ศ.2548
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องสถาบันศึกษาปอเนาะ ด้วยกระทรวงศึกษาธิการเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยสถาบันศึกษาปอเนาะ
พ.ศ. 2547 ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริง
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2548
ผู้ลงนามในระเบียบ นายจาตุรนต์ ฉายแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ ให้ยกเลิกคำนิยามคำว่า “โต๊ะครู” และ “ผู้ช่วยโต๊ะครู” ในข้อ 3 แห่งระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยสถาบันศึกษาปอเนาะ พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“โต๊ะครู” หมายความว่า
ผู้สอนที่มีความรู้ด้านศาสนาอิสลามเป็นอย่างดีเป็นที่เคารพนับถือของชุมชนและเป็นเจ้าของปอเนาะ
“ผู้ช่วยโต๊ะครู” หมายความว่า ผู้ที่มีความรู้ด้านศาสนาอิสลามเป็นอย่างดีซึ่งโต๊ะครูให้ช่วยสอนในปอเนาะ
กรณีที่ผู้เรียนในสถาบันศึกษาปอเนาะเป็นเด็กที่ต้องเข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545 โต๊ะครูและผู้ปกครองต้องจัดให้เด็กได้เข้าเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ
หรืออาจพัฒนาร่วมกับสถานศึกษาอื่นเพื่อให้ผู้เรียนได้มีโอกาสศึกษาวิชาสามัญในระดับที่สูงกว่าการศึกษาภาคบังคับเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนอิสลามให้สอดคล้องกับสภาพในปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการอาจส่งเสริมและพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะตามความเหมาะสม
28.ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่าด้วย
การมอบอำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการอื่น
ของผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ.2546
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการมอบอำนาจในการสั่ง
การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการ ดำเนินการอื่น
ของผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ผู้ลงนามในระเบียบ นายไพฑูรย์ จัยสิน อธิบดีกรมสามัญศึกษา รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ การมอบหมายหรือมอบอำนาจให้ข้าราชการปฏิบัติราชการแทน
ให้คำนึงถึงความเป็นอิสระ การบริหารงานที่คล่องตัวในการจัดการศึกษา
ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมอื่นๆ
ของผู้รับมอบอำนาจเพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการในระยะเริ่มแรกที่มีการกำหนดตำแหน่งอัตรา
หรือแต่งตั้งข้าราชการดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างใหม่ ผู้อำนวยการมอบหมาย
หรือมอบอำนาจตามระเบียบนี้
29.ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่าด้วยหลักเกณฑ์ การตรวจสอบ กำกับ ติดตาม ดูแล
และรายงานผลการใช้อำนาจของผู้รับมอบอำนาจ พ.ศ.2551
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์ การตรวจสอบ กำกับ ติดตาม ดูแล
และรายงานผลการใช้อำนาจของผู้รับมอบอำนาจ
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ผู้ลงนามในระเบียบ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ เลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานมีอำนาจในการสั่งการ
การอนุญาต และการอนุมัติ
การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
ให้มีอำนาจในการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีหรือแนวทางที่ใช้เป็นกรอบที่ชัดเจนในการกำกับดูแล
การฏิบัติราชการตามโครงการและแผนงานของผู้รับผิดชอบ
การจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานตามการมอบอำนาจ
ตามงาน
โครงการที่กำหนดไว้ในลักษณะภาพรวมเพื่อทราบปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการมอบอำนาจต่อเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างน้อยปีละครั้ง
30.ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่าด้วยการบริหารจัดการเกี่ยวกับเงินรายได้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา
พ.ศ.2549
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการบริหารจัดการเกี่ยวกับเงินรายได้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา
พ.ศ.2549 โดยที่ให้เป็นสมควรตามระเบียบการบริหารจัดการเกี่ยวกับเงินรายได้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549
ผู้ลงนามในระเบียบ นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ สถานศึกษาต้องออกใบเสร็จรับเงินตามแบบที่ราชการกำหนดให้แก่ให้แก่ผู้ชำระเงินทุกครั้งที่มีการรับเงิน
เว้นแต่กรณีที่ไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินได้
ให้ใช้หลักฐานการรับเงินตามแบบที่ทางราชการกำหนดและต้องควบคุมใบเสร็จและหลักฐานการเก็บเงินไว้เพื่อตรวจสอบได้
และให้สถานศึกษาเก็บเงินสดไว้เพื่อสำรองจ่ายในวงเงินที่ทางคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด
ห้ามมิให้นำเงินรายได้สถานศึกษาไปเป็นค่าใช้จ่ายของสถานศึกษาแห่งอื่น
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาเลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน
อำนาจการอนุมัติการจ่ายเงินและการก่อหนี้เงินผูกพันรายได้สถานศึกษา
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนด
31.ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่าด้วยการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐที่เป็นนิติบุคคลในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา
พ.ศ.2551
ตอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเรื่องการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐที่เป็นนิติบุคคล ในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา
โดยเห็นเป็นการสมควรในการกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐที่เป็นนิติบุคคลให้เป็นไปในทางเดียวกัน
ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
ผู้ลงนามในระเบียบ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เนื้อหาสาระที่ได้หรือค้นพบจากระเบียบนี้ การปกครอง ดูแล
บำรุงรักษาและใช้อสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมีผู้อุทิศให้หรือมีการจัดซื้อจากรายได้ของสถานศึกษา
ให้ผู้อำนวยการสถานศึกษารับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนามสถานศึกษา
เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และเก็บรักษาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินไว้ในที่ปลอดภัยไม่ให้สูญหาย
ให้สถานศึกษาจัดทำทะเบียนรับและจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่สถานศึกษาไว้เป็นหลักฐาน
การรื้อและจำหน่ายอาคาร สิ่งปลูกสร้าง
อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการสถานศึกษา
โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การปกครอง ดูแล
บำรุงรักษาและใช้ที่ราชพัสดุให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่ราชพัสดุที่เกี่ยวข้อง